Powered By Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

"ตัวประหลาดเดือนเพ็ญ" นิทานเล่มแรกที่แต่งเอง/วาดเอง

        





        เริ่มแต่งนิทานเรื่องนี้ ปลายปี 2540 ได้จำได้ว่าเร่งทำเร่งวาดน่าดู เวลาจะไม่ทันใกล้สิ้นปี อยากทำให้เสร็จไปเลยไม่อยากค้างข้ามปี อีกอย่างจองตั๋วไปเที่ยว เกาะเต่า เอาไว้ล่วงหน้า เลยเร่งทำจนเสร็จ ก็ระเห็จไปปลดปล่อยกับการเที่ยวให้เต็มที่ นิทานเรื่องนี้ส่งประกวดนายอินทร์อะวอร์ดปีแรกไม่เข้ารอบอะไรกับเขาหรอก หลังจากนั้นก็เอาไปเสนอ อ.วิริยะ สิริสิงห ที่สำนักพิมพ์ชมรมเด็ก (สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น) อ.อ่านเรื่องแล้วพอใจ แต่ต้องเกลาเรื่องใหม่ อ.วิริยะ รับเอาไว้ ว่าจะพิมพ์ให้ แต่วันนั้นท่าทาง อ.กำลังยุ่งๆ ทั้งทำนิทานกระดาษพับ รับสายโทรศัพท์ ไม่ต้องสงสัยเลย เวลาผ่านไปจนสิบปีเศษ.... อ.วิริยะ ลืม!









        แต่ในที่สุด 2551 นิทานเล่มแรก "ตัวประหลาดเดือนเพ็ญ" ที่แต่งเองวาดเองเป็นเล่มแรกในชีวิต ก็คลอดออกมา (อ.วิริยะ ท่านเสียชีวิต ปีเดียวกัน) ทั้งดีใจและรู้สึกไม่ดี ไม่ดีเพราะเป็นงานที่วาดเมื่อเริ่มทำนิทานเด็กใหม่ๆฝีมือเก่าเมื่อสิบปีเศษ แต่พิมพ์ออกมาเป็นหนังสือนิทานเล่มใหม่ งานเลยยังไม่ดีพอเอามาดูแล้วเห็นข้อบกพร่องหลายแห่ง แต่ยังไงๆก็ภูมิใจที่นิทานเล่มแรกที่วาดและแต่งเอง ได้พิมพ์หลังจากถูกลืมเป็นเวลานาน จนข้ามทศวรรษ ขอขอบคุณ .วิริยะ สิริสิห ขอบคุณ อ.สุภา สิริสิงห (โบตั่น ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2542) และสำนักพิมพ์ สุวีริยาสาส์น (ชมรมเด็ก) ด้วยครับ
       เรื่องย่อๆของนิทาเรื่องนี้ เกิดขึ้นณ ดินแดนแห่งหนึ่งที่เกิดความแห้งแล้ง เหล่าสัตว์ทั้งหลายหากินด้วยความลำบาก ด้วยความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ทำให้สัตว์ทั้งหลายต้องเปลี่ยนมาออกหากินในยามค่ำคืน ซ้ำยังเกิดเรื่องเล่าลือว่ามีตัวประหลาด ร่างกายใหญ่โตมีเสียงประหลาดโผล่อาละวาดในคืนเดือนเพ็ญ เป็นที่หวาดกลัวของสัตว์ทั้งหลายในดินแดนแห่งนี้ จึงต้องอาศัยผู้กล้าไปเฝ้าดู แล้วหาหนทางแก้ไขปรึกษหารือด้วยการสร้างตัวประหลาดอีกตัวขึ้นมา เพื่อหวังให้ตัวประหลาดตัวจริงได้เกรงกลัวไม่มาอาละวาดที่นี่อีก แต่ความจริงเกี่ยวกับตัว"ประหลาดในคืนเดือนเพ็ญ"ก็ถูกเปิดเผยขึ้นในคืนนี้เอง
       ที่จริงกำลังจะเอาเรื่องนี้มาวาดภาพประกอบใหม่อยู่แล้วเชียว แล้วเอาไปเสนอ สนพ.อื่นดู ดีที่ยังไม่ได้ทำ ไม่อย่างงั้นทำแล้วเกิดได้พิมพ์ขึ้นมาลิขสิทธ์ซ้ำซ้อนกันอีก กลายเป็นเรื่องเป็นราวที่นึกๆแล้วไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี...เฮ้อ

ไม่มีความคิดเห็น: