Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ย้อนหลัง การ์ตูนหน้าพระลาน(งานแสดงการ์ตูนและภาพประกอบ) ครั้งที่ 5

      




    

      








            ได้เวลา 5 โมงเย็น นัดเปิดงานที่คณะมัณฑณศิลป์ ม.ศิลปากร โชคดีที่รถติดแต่ยังทันเวลาเปิด เพราะหอศิลป์ติดขัดทางเทคนิคบางประการ ท่ามกลางนักวาดการ์ตูน นักวาดภาพประกอบ ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก ต้องขอโทษที รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง (หน้าตามากกว่าที่ไม่รู้จัก) แต่ผลงานเคยเห็นผ่านตามา เรียกว่ารู้จักผลงานมากกว่าตัวจริง





 2  ภาพประวัติศาสตร์สำหรับผม พี่รงค์ ณรงค์ ประภาสะโนบล แห่งชัยพฤกษ์การ์ตูน(ซ้ายมือ)

         อย่างพี่รงค์ (ณรงค์ ประภาสะโนบล) จากชัยพฤษ์การ์ตูน ที่เคยอ่านมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เคยเห็นหน้าในบทสัมภาษณ์ นานมาแล้ว เพิ่งมีโอกาสพบตัวจริงวันนี้เอง




รูปพี่รงค์ (ณรงค์ ประภาสะโนบล) จากชัยพฤษ์การ์ตูนสมัยหนุ่มๆ
ไปค้นจาก ชัยพฤษ์การ์ตูน เล่มเก่าๆ (10 ธ.ค.2553 )


 


            (  เด็ก ๆ ที่เติบโตขึ้นมาในยุค '70s น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก หนูแหวน, เจ้าแพะ, เจ้าเปีย, ลุงกำนัน, ท่านขุน, ทาร์ซาน และเจ้าจุ่น ตัวละครที่เป็นตัวแทนของเด็กช่างคิดและผู้คนในยุคแสวงหาเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ "ชัยพฤกษ์การ์ตูน" เป็นหนังสือการ์ตูนที่มีบุคลิกเฉพาะตัว และอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอมา

     "ชัยพฤกษ์การ์ตูน" ของ สนพ.ไทยวัฒนาพานิช เริ่มวางแผงแนะนำตัวให้บรรดานักอ่านตัวน้อย ๆ ได้รู้จักในเดือนกันยายน 2513 โดยคณะผู้จัดทำก็ยกมาจากกองบรรณาธิการของวารสาร "ชัยพฤกษ์" ที่มี อ.เปลื้อง ณ นคร เป็นบรรณาธิการอยู่นั่นเอง ด้วยความมุ่งมั่นของ อ.เปลื้อง ที่หวังจะได้เห็นเยาวชนไทยเติบโตขึ้นเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของประเทศ ผนวกกับงานศิลป์ชั้นเยี่ยมของ ณรงค์ ประภาสะโนบล, ธำรงค์ ศิริชู, ปนัท เลิศสมบูรณ์ ส่งผลให้ "ชัยพฤกษ์การ์ตูน" ก้าวขึ้นมาเป็นการ์ตูนชั้นแนวหน้าในทันทีที่วางแผง นอกจากการ์ตูนฝีมือ "พี่รงค์" และ "พี่นัท" แล้ว การ์ตูนเรื่องยาวฝีมือ "โกสินท์ ชิตามร" ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยทึ่ดึงดูดให้บรรดาน้อง ๆ หนู ๆ ในยุคนั้น ต้องตามอ่าน "ชัยพฤกษ์การ์ตูน" กันชนิดติดหนึบ
       หลังยุค อ.เปลื้อง ณ นคร และ อ.อนุช อาภาภิรม "ชัยพฤกษ์การ์ตูน" ก็มีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้จัดทำเป็นระยะ ๆ แต่แกนหลักด้านงานศิลป์ยังคงเป็น ณรงค์ ประภาสะโนบล และยังคงยืนหยัดบนแผงหนังสือต่อมาได้อีกเป็นเวลาเนิ่นนาน ก่อนจะอ่อนแรงและอำลาแผงหนังสือไปในปลายยุค '90s ...
... เหลือทิ้งไว้เพียงภาพแห่งจินตนาการของ หนูแหวน, เจ้าแพะ, เจ้าเปีย, ลุงกำนัน, ท่านขุน, ทาร์ซาน และเจ้าจุ่น ที่ยังคงวิ่งวุ่นอย่างครื้นเครงอยู่ในความทรงจำของผู้คนหลายยุคหลายสมัยตลอดมา ... และตลอดไป)

***ข้อมูลและ รูปประกอบมาจาก  http://www.bangkokbookclub.com ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย


            นอกจากนี้ ยังมีพี่ เซีย ไทยรัฐ เจอกันบ่อยเฉพาะงาน แบบนี้ พี่สละ นาคบำรุง พี่สมบัติ คิ้วฮก นี่ก็รู้จักชื่อมานาน แถมบ้านก็อยู่ใกล้ๆกันแต่ไม่เคยเห็นตัวจริง มีพี่จิว ดินหิน เคยรู้จักชื่อ แต่ไม่ค่อยเคยหรือไม่เคยเห็นผลงานเลย นอกจากนั้น ก็ค่ายสถาบันการ์ตูนไทย รุ่นใหม่มาแรง หลายคน



                        พี่เซีย ไทยรัฐ ข้างหลัง นักวาดการ์ตูนจากสถาบันการ์ตูนไทย



         เสื้อชมพู่ซ้ายมือ คู่ขวัญ พี่รงค์ พี่บุษบงค์ โควินทน์ จากชัยพฤกษ์การ์ตูนเช่นกัน


                      3 สาว พี่เจ,พี่หงษ์,พี่ฝน จากสถาบันการ์ตูนไทย และมูลนิธิเด็ก






          งาน การ์ตูนหน้าพระลานครั้งที่ ๕ “ พลังเยาวชน หัวใจไทย ” หน่วยงานภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับสถาบันการ์ตูนไทยจัดขึ้น ส่วนหัวข้อก็มาจากปัญหาสังคมในปัจจุบัน ที่มีความขัดแย้งแตกแยกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขาดความรักสามัคคี ก่อให้เกิดปัญหามากมายที่มีผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจของคนไทย หัวข้อนี้เลยถูกหยิบขึ้นมาใช้เป็นแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อนำพลังของเยาวชนนักเรียนและนักศึกษา ร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมฟื้นฟูจิตใจ รักษาความดีงามของสังคมไทยให้คงอยู่ และร่วมกันก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งมั่นคง ด้วยพลังแห่งหัวใจไทย โดยจะนาเสนอกิจกรรมผ่านสื่อศิลปะในรูปแบบของการ์ตูนทั้งประเภทคอมมิค การ์ตูนอนิเมชั่น รวมถึงภาพประกอบสาหรับเด็กและเยาวชน ที่มีเนื้อหากระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ สร้างแนวคิดจิตใจ ส่งเสริมคุณธรรมในการดาเนินชีวิตด้วยวิถีพุทธ ทั้งการมองโลกในแง่ดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือซี่งกันและกัน ความรักสามัคคีและการให้อภัย รวมทั้งส่งเสริมความภาคภูมิใจในความเป็นไทยแก่เยาวชน
         งานนิทรรศการ ครั้งที่ 5 นี้ ประกอบด้วย นิทรรศการแสดงผลงานศิลปะและกิจกรรมอบรมเชิงปฎิบัติการ เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนเกิดความคิดสร้างสรรค์ในด้านบวก ผ่อนคลายความเครียด และมีโอกาสเป็นส่วนร่วมในกิจกรรมรณรงค์ฟื้นฟูและสร้างสรรค์สังคมด้วยสื่อศิลปะ
         โครงการการ์ตูนหน้าพระลาน เคยจัดงานมาแล้วทั้งหมด4ครั้ง
         -ครั้งที่1ในปีพ.ศ 2541
         -ครั้งที่2 ในปี พ.ศ 2543
         -ครั้งที่3 ในปีพ.ศ 2548(สนับสนุนโดย สสส.)
         และครั้งที่4 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ 2550(สนับสนุนโดย สสย.) ผลงานที่จัดแสดงได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน ช่วยแนะแนวทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาและแนวทางประกอบอาชีพ รวมทั้งสร้างความสุขให้แก่ผู้ใหญ่และประชาชนทั่วไปที่เข้าชมด้วย
         นอกจากนิทรรศการงานแสดงแล้วยังมีกิจกรรอื่นตามวันเวลาที่ทาง หอศิลป์แจ้งมาเช่น
         - กิจกรรมอบรมและปฎิบัติการ “รวมพล รวมหัวใจ สร้างฮีโร่” วันอาทิตย์์ที่ 11 กรกฎาคม 2553
ห้องประชุมศร.3104 เวลา 9.00-16.00 .
         -อบรมการออกแบบคาแรคเตอร์ สุดยอดมนุษย์พันธุ์ไทย ที่จะมาช่วยปกป้อง ฟื้นฟูและสร้างสรรค์สังคมไทยให้สงบสุขมั่นคง แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา นักศึกษา และครูผู้สอนศิลปะ
พร้อมมอบรางวัล สุดยอดมนุษย์หัวใจไทย แก่นักเรียนที่มีผลงานออกแบบโดดเด่น
         - นิทรรศการการ์ตูนหน้าพระลาน“พลังเยาวชน หัวใจไทย”วันที่ 30 กรกฎาคม 13 2553
เวลา 10.00-18.00 . เว้นวันอาทิตย์ จัดแสดงผลงานการ์ตูนคอมมิค การ์ตูนแก๊ก การ์ตูนทำมือ
คาแรคเตอร์ แอนิเมชั่น และภาพประกอบสาหรับเด็กและเยาวชนของไทย
         - กิจกรรมอบรมและปฎิบัติการ “สวมเสื้อตัวใหญ่ สวมหัวใจไทย” วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม 2553
 เวลา 9.00-16.00 .
         

                  รศ.เอกขาติ จันอุไรรัตน์ คณบดี คณะมัณฑนศิลป์ กล่าวต้อนรับ ท่านปลัดฯ


                       ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์  กล่าวเปิดงาน







                          น.ศ. แต่งตัวเลียนแบบมาสคอท มาเชิญแขกในงาน

        ห้าโมงกว่า ได้เวลาพิธีเปิดเริ่มขึ้น รศ.เอกขาติ จันอุไรรัตน์ คณบดี คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร กล่าวต้อนรับ ท่านปลัดกระทรวงวัฒนธรรม







                                          ขอพี่ รงค์ ชัยพฤกษ์การ์ตูนวาดบ้าง


                                              หัวใจที่วาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว


          จากนั้นทั้งนักวาดการ์ตูน นักวาดภาพประกอบรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก พี่รงค์ พี่เซีย พี่สมบัติ คิ้วฮก พี่สละ นาคบำรุง วีระยุทธ เลิศสุดวิชัย และท่านอื่น ทั้งท่านปลัดร่วมเขียนการ์ตูนมอบหัวใจบนเสื้อยืดเป็นที่ระลึก หัวใจ200ดวง บนเสื้อยืดตัวใหญ่ตัวเดียว เพื่อใช้สวมหัวใจคนไทยไว้ด้วยกัน เสื้อยืดขนาดยักษ์ตัดเย็บขึ้นมาเป็นพิเศษ1ตัว (เสื้อตัวใหญ่มากกก!) หัวใจของใครของมันรวมกันเป็นหัวใจใหญ่ตามแนวคิดของงานครั้งนี้



         


รวมนักวาดการ์ตูนและภาพประกอบ
         



                                       มาสคอท 4 ตัว ในงาน เก่ง แก้ว แก่น กล้า


                อายุ                                    วรรณโณ             


สุขัง                                     พลัง

เหล่ามาสคอทตัวแทนเยาวชนรุ่นใหม่หัวใจไทย
            ( “เก่ง” พี่ช้างฉลาดรอบรู้ หนักแน่นด้วยเหตุผล แต่อ่อนโยนและรักษ์วัฒนธรรมไทย
            “แก้ว” แมวสาวพันธุ์ขาวมณี สวยหวานสดใส กล้าคิดกล้าแสดงออกอย่างมีกาละเทศะ เป็นกุลสตรีไทยยุคใหม่
            “แก่น” ลูกลิงน้อย เริงร่า ซาบซ่าซุกซน อยากรู้อยากเห็น ดื้อบ้าง เกเรบ้าง บางเวลา
            “กล้า” เสือหนุ่มเปี่ยมพลัง แช็งแกร่ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ พร้อมต่อสู้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ผดุงความยุติธรรม)


         จากนั้นก็ ฉายวีดีทัศน์บรรเลงเพลงธีม นาเสนอ 4 มาสคอท ตัวแทนพลังเยาวชน ช้าง(เก่ง),
แมว(แก้ว), ลิง(แก่น) และเสือ(กล้า) ออกมากล่าวอวยพร “อายุ วรรณโน สุขัง พลัง”           




              เวลาดี 6 โมง กลับเป็นเด็กอีกครั้ง ร่วมกันชักธงชาติ และร้องเพลงชาติไปด้วย

        แม่งานได้แก่ อาจารย์ชนิศา ชงัดเวช ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร คอยกำกับงานตลอด เกณฑ์เหล่ามาสคอท มาเชิญประธานเปิดงานนาแขกผู้มีเกียรติและผู้ร่วมงาน ร้องเพลงชาติร่วมกัน (ดนตรีบรรเลงเพลงชาติ) แล้วร่วมชักธงชาติเวลา 6 โมง เก๋ไก๋ไปอีกแบบ เรียกเสียงหัวเราะได้เลย จากนั้นก็เข้าดูนิทรรศการกัน



                                             อ.ชณิศา นำประธานชมงาน





(งานเปิดแสดงนิทรรศการ ระหว่างวันที่30 กรกฎาคม ถึง 13 สิงหาคม 2553 (จานวน14 วัน)เว้นวันอาทิตย์) ณ หอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เวลา10.00-18.00น
        









                                        ฝีมือ โกศล ทองด้วง จากสนพ.ห้องเรียน





                  ชุดนี้ ฝีมือพี่รงค์ หาดูยากแล้ว มีหลายภาพญี่ปุ่นเอาไปไม่ได้คืนกลับมา






                                         ภาพประกอบจากเรื่อง พระในบ้าน




งานของ สิทธิพร พวงสุข







ชุดนี้ ของพี่โอม รัชเวทย์




งานบางส่วนของพี่ สละ นาคบำรุง






การ์ตูนอนิเมชั่น



        ในงานก็มี การ์ตูนคอมมิคและภาพประกอบ มีเนื้อหากระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ สร้างแนวคิดจิตใจ ส่งเสริมคุณธรรมในการดาเนินชีวิตด้วยวิถีพุทธ ทั้งการมองโลกในแง่ดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือซี่งกันและกัน ความรักสามัคคีและการให้อภัย รวมทั้งส่งเสริมความภาคภูมิใจ ในความเป็นไทยแก่เยาวชน มีทั้งผลงานของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรและนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนต่างๆ ทั้งผลงานจากนักเขียนการ์ตูนและนักวาดภาพประกอบอาชีพ อาทิ พี่โอม รัชเวทย์, พี่สละ นาคบารุง, คุณสุทธิชาติ ศราภัยวาณิช, คุณทรงศีล ทิวสมบุญ, คุณไตรภัค สุภวัฒนา, คุณวีระชัย ดวงพลา, วีระยุทธ เลิศสุดวิชัย และผลงานจากศิลปิน พี่รงค์ ณรงค์ ประภาสะโนบล(ชัยพฤกษ์การ์ตูน)
          ในนิทรรศการยังมี การ์ตูนอนิเมชั่น แสดงผลงานการ์ตูนอนิเมชั่นรวมทั้งสื่อวีดีทัศน์ และภาพยนตร์
มีรูปแบบและเทคนิคที่หลากหลาย ที่นำเสนอเนื้อหาส่งเสริมคุณธรรมและค่านิยมไทย จากผลงานนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร และนักสร้างการ์ตูนอนิเมชั่นทั่วไป ผลงานแอนนิเมชั่น ของนักศึกษาที่ทำเรื่องของ อาจารย์ศิลปพีระศรี ทำได้ดีน่าสนใจ ตบท้ายด้วยเพลง ซานต้าลูเซีย เล่นเอาซึ้งเลย
         





          อยู่ในงานไม่นานนักต้องรีบไปธุระต่อ เลยร่ำลาพี่ๆ กลับก่อน แต่ขอชักภาพร่วมกันก่อนจาก ไว้เป็นที่ระลึก บรรยากาศเป็นกันเองพูดคุย เรื่องงาน เรื่องโน้นนี้กันอบอุ่นดี เสียดายแต่ประชาสัมพันธ์ไม่ทันเลยต้องขอย้อนหลังแบบนี้แหล่ะ


*ที่ขึ้นหัวย้อนหลังเพราะรายงานเอาไว้หลังกลับจากงานแล้ว แต่ติดงานศพคุณแม่ เลยหยุดไปจนพอมีเวลาเลยรายงานจากที่ค้างให้เสร็จ บอก อ.ชณิศ ว่าจะช่วยเขียนประชาสัมพันธ์ให้ แต่ด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆครับ


           ของฝากก่อนจาก วิธีเขียนการ์ตูน ของ อ.ประยูร จรรยาวงศ์ จากไทยรัฐ หาดูยากแล้ว เอามาฝากเผื่อใครเอาไปใช้เอาไปฝึก ต้องขอบคุณ พี่จิว(ดินหิน) ที่ส่งมาให้และขอบคุณรูปหมู่ นักวาดก่อนเข้าชมงานฝีมือถ่ายของ ลูกสาว พี่จิวครับ


                       
         

       

          

        

4 ความคิดเห็น:

dinhin กล่าวว่า...

ชอบจัง อ่านเพลินเลย

tuping กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ตกๆหล่นๆก็เพิ่มเติมได้ครับพี่ จิว ดินหิน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวยทุกภาพเลยค่ะ
ฝีมือคนรุ่นก่อนนี่ของแท้จริงๆ

tuping กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ คนรุ่นใหม่ก็เก่งๆเหมือนกัน แต่คนรุ่นก่อนเขาทุ่มเททั้งหัวใจเลย

ช่วงนี้ขาดหายไปนานหน่อยเพราะติดงานครับ อีกอย่าง บล็อกผมมีปัญหาอัพโหลดรูปไม่ได้เลยต้องขาดช่วงไปหน่อย ยังไงจะหาเรื่องราวมีลงอีกครับ