รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ครั้งที่ 12 ประจำปีพุทธศักราช 2554 ได้เปิดรับต้นฉบับประกวด จำนวน 6 ประเภท ได้แก่ หนังสือภาพสำหรับเด็ก วรรณกรรมเยาวชน สารคดี นวนิยาย เรื่องสั้น และกวีนิพนธ์ นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 และ ปิดรับต้นฉบับในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ในส่วนของหนังสือภาพสำหรับเด็ก คณะกรรมการรอบคัดเลือกได้คัดสรรต้นฉบับที่ส่งเข้าประกวด และประกาศรายชื่อหนังสือภาพสำหรับเด็กที่สมควรเข้ารอบคัดเลือก (เรียงตามลำดับอักษรชื่อเรื่อง) จำนวนทั้งหมด 9 ชื่อเรื่อง
๑. ก้อก ก้อก ก้อก
๒. ก้อนเมฆเหมือนตัวอะไรนะ
๓. คุณช้างโต หัวใจกระจิดริด
๔. ชีวิต ฮ. นกฮูก
๕. ดินสอไม้ ปลายยางลบ
๖. น้ำเข้าไปในลูกมะพร้าวได้ยังไง
๗. นิทานก้อนเมฆ
๘. ให้ใจ
๙. Sweet Story เรื่องหวานๆของตาล ตาล กับคุณยาย
นิทานเรื่อง "คุณช้างโต หัวใจกระจิดริด" ได้รับการตัดสินให้ได้รับรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ครั้งที่ 12 ประจำปีพุทธศักราช 2554 และคณะกรรมการได้ปรับเปลี่ยนชื่อเรื่องให้เหมาะกับเนื้อหาของเรื่อง ให้ชื่อใหม่ว่า "คุณช้างโต ช่วยหน่อยได้ไหม"
ภาพเสก็ตนิทาน “คุณช้างโตฯ........” เพิ่งเจอหลังน้ำท่วม เอามาลงเพิ่มเติม (22 ก.พ. 2556)
ภาพนี้ถ่ายเอาจะเห็นพื้นผิวชัดเจนแต่เวลาพิมพ์ กลับมองไม่เห็นน่าเสียดาย
นิทานเรื่อง "คุณช้างโต ช่วยหน่อยได้ไหม" เรื่องนี้ทำต่อเนื่องจากนิทานเรื่อง "ไม่ทำแล้วครับ" ที่ได้รับราวัลชมเชยจาก นานมีบุ๊คอะวอร์ด ใช่เทคนิคเดียวกันโชคดีที่ เรื่องที่แต่งไว้พอไปวัดไปวาได้ไม่งั้นก็ไม่ได้ส่ง เพราะไม่มีเรื่องอื่นเลย ในส่วนของคณะกรรมการได้ให้ความเห็นว่า หนังสือนิทานภาพสำหรับเด็ก ดูน่าจะง่ายๆเพราะภาพก็มีไม่มากเนื้อหาก็ไม่เยอะแต่ความง่ายของหนังสือ กลายเป็นของยากสำหรับการตัดสิน เพราะการทำหนังสือเด็กต้องมีสองส่วนมาประกอบกันแล้วลงตัว จึงจะเป็นหนังสือภาพที่ดีสำหรับเด็ก
สำหรับคนเพิ่งเริ่มหัดทำนิทานเรื่อง"คุณช้างโต...ช่วยหน่อยได้ไหม" นี้ก็อยากจะบอกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราๆคนทำนิทาน แล้วยิ่งยากขึ้นไปอีกถ้าต้องแต่งเรื่องและวาดภาพด้วย โดยเฉพาะ"เรื่อง"ที่เป็นของขมสำหรับคนทำภาพประกอบอย่างเรา ฉะนั้นคณะกรรมการว่าตัดสินยาก เราคนสร้างสรรค์งานก็ถือว่าการทำหนังสือนิทานไม่ใช่ของสนุกเลยถ้าทำออกมาแล้วยังไม่ได้ดังใจแม้จะชอบจะอยากทำขนาดไหนก็เถอะ
นิทานเรื่อง"คุณช้างโต ช่วยหน่อยได้ไหม" คณะกรรมการยังได้ให้ความเห็นว่ามีกลิ่นจากนิทานอีสป เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่อง "ราชสีห์กับหนู" จริงๆนิทานเรื่องนี้ตอนทำไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรเกี่ยวกับนิทานของอีสปเลย แต่กรรมการอาจจะรู้สึกถึงกลิ่นที่ไปคล้ายๆกันโดยความบังเอิญ ซึ่งก็เป็นไปได้
แต่จริงๆแล้วแรงบันดาลที่มาของนิทานเรื่องนี้ มาจากประสบการณ์ส่วนตัว ที่รับรู้เรื่องที่เราเห็นกันอยู่แล้ว เรื่องลาภยศอำนาจ เวลามีแล้วก็ยึดติด หลงว่าเรายิ่งใหญ่ แต่ลืมมองคนระดับรองๆลงไป ทั้งที่จริงๆแล้วเราทุกๆคนก็เกิดร่วมโลก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย เลยกลายเป็นที่มาของนิทานเรื่องนี้ โดยปรับเปลี่ยนเอา"เจ้าช้างโต"แทนคนที่มีอำนาจแล้วไม่สนใจจะมีเป็นเพื่อนเพราะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่แล้วเจ้าช้างโตก็ต้องเปลี่ยนใจ หันกลับมามองสัตว์ตัวเล็กในอีกสายตาหนึ่งที่มันได้ค้นพบความจริง
ทั้งหมดนี่เลยกลายเป็นที่มาที่ไปของนิทานเรื่อง ซึ่งไม่ได้มีที่มาจากนิทานอีสปเลย ฉะนั้นในฐานะคนทำนิทานต้องมองโลกที่สดใสจับเอาเรื่องราวมุมมองนี้มาแต่งเป็นนิทานซะเลย จะว่าไปแล้วนิทานเล่มนี้นอกจากเด็กอ่านได้แล้ว ยังมีนัยแฝงสอนใจผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้เอาไปพูดในงานวันรับรางวัล มีคนกระซิบว่าเครียดไปหรือเปล่าจริงจังเกินไปหรือเปล่า จริงๆไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เลยก็ได้ แต่ที่พูดเพราะต้องขอค้านกับความเห็นของกรรมการเท่านั้นเอง
พอแล้วชักจะเครียดเกินไปอีกแล้ว เอาเป็นว่าฝากนิทานเรื่อง"คุณช้าง ช่วยหน่อยได้ไหม" ด้วยครับชอบใจก็ช่วยๆกันอุดหนุนหน่อยครับ ท้ายนี้ขอกราบขอบคุณคุณพ่อและแม่ ขอบคุณคำสอนดีๆของพ่อ ขอบคุณความขยันอดทนของแม่ ที่หล่อหลอมมาเป็นตัวเอง รางวัลนี้ขอประกาศความกตัญญูให้ท่านทั้งสองแม้ว่าวันนี้จะไม่มีทั้งสองท่านแล้วครับ ขอบคุณคณะกรรมการตัดสินและขอบคุณ"บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน)" ขอบคุณที่หยิบยื่นและให้โอกาส....ที่มากกว่ารางวัลครับ
................................................................................................................
ความเห็นจากแฟนหนังสือนิทานตัวน้อย
เล่มนี้ที่ฉันอ่าน : คุณช้างโต...ช่วยหน่อยได้ไห ม
นักอ่านเอาเรื่อง : ด.ช.พลวิชญ์ ชนกิจโกศล
ผมเห็นหนังสือเล่มนี้ที่ร้า นนายอินทร์ครับ เพราะเหมือนคุณช้างโตกำลังจ้องมองผมอยู่ ผมเลยเปิดหนังสือดู แล้วเห็นสัตว์เยอะแยะเต็มหนังสือไปหมดเลย สัตว์แต่ละตัวใส่เสื้อสีสวย ๆทั้งนั้นเลย ผมเลยบอกคุณแม่ให้ซื้อกลับบ้านด้วย คุณแม่บอกว่า เพราะผมเป็นเด็กชอบอ่านหนัง สือก็เลยซื้อให้ครับ อีกสองสามวัน ผมก็ดีใจอีกและหัวเราะก๊ากๆ เพราะคุณป้าของผมก็เอาหนังสือเล่มนี้มาให้ผมด้วย แต่ตอนนั้นคุณป้าไม่รู้นะครับว่าคุณแม่ซื้อหนังสือให้ผ มแล้ว ผมเลยมีหนังสือคุณช้างโต... ช่วยหน่อยได้ไหมตั้งสองเล่ม แต่ตอนนี้ผมเอาหนังสือที่คุ ณป้าให้ไปบริจาคห้องสมุดแล้ วครับ เพราะเล่มที่คุณแม่ซื้อให้ ผมเขียนชื่อผมในหนังสือแล้ว คุณป้าก็ไม่ว่าอะไรครับที่ผ มเอาหนังสือไปบริจาค
ตอนแรกผมเกลียดคุณช้างโตมาก ๆๆๆๆๆเลยครับ เพราะเป็นคน (ที่จริงผมต้องเรียกว่าสัตว์ใช่มั้ยครับ) ที่เห็นแก่ตัวมาก สัตว์แต่ละตัวขอร้องให้คุณช้างโตช่วยทำอะไร ก็ไม่ยอมช่วยเหลือเลย จนวันหนึ่งมันไม่สบายมากๆ ไปหาของกินไม่ได้ แต่สัตว์แต่ละตัวก็กลับมาช่ วยคุณช้างโต
นักอ่านเอาเรื่อง : ด.ช.พลวิชญ์ ชนกิจโกศล
ผมเห็นหนังสือเล่มนี้ที่ร้า
ตอนแรกผมเกลียดคุณช้างโตมาก
ตอนที่ผมอ่านหนังสือ ผมบอกว่าจะไปช่วยมันทำไม ช้างเห็นแก่ตัวอย่างงี้ แต่คุณแม่ของผมก็สอนผมว่า ถ้าสัตว์พวกนั้นไม่ช่วยคุณช้างโต ก็เป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวเห มือนคุณช้างโตน่ะสิ แล้วผมก็ต้องเกลียดสัตว์พวก นั้นด้วยเหมือนกัน ผมก็มาคิดว่า จริงอย่างที่คุณแม่บอกครับ
พอผมอ่านไปเรื่อยๆ ผมก็เข้าใจแล้วว่า สัตว์แต่ละตัวมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ และสามัคคีกันช่วยให้คุณช้า งโตหายไม่สบาย แล้วยังมีของกินด้วย แล้วตอนจบ คุณช้างโตก็ช่วยเหลือสัตว์พ วกนั้นทำโน่นทำนี่อย่างที่เ คยขอ
หนังสือเล่มนี้บอกให้ผมรู้ว่า อย่าทำตัวเหมือนคุณช้างโตตอ นแรก อยากเป็นช้างที่น่ารักของเพื่อนๆต้องช่วยเหลือกัน ดูแลกัน ตอนสุดท้ายผมเลยรักคุณช้างโ ตครับ เพราะเป็นช้างกลับใจ
พอผมอ่านไปเรื่อยๆ ผมก็เข้าใจแล้วว่า สัตว์แต่ละตัวมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ และสามัคคีกันช่วยให้คุณช้า
หนังสือเล่มนี้บอกให้ผมรู้ว่า อย่าทำตัวเหมือนคุณช้างโตตอ
...................................................................
------------------------------------------
อัปเดทใหม่ล่าสุด( 13 มี.ค. 2555) หนังสือนิทาน "คุณช้างโต....ช่วยหน่อยได้ไหม" (ได้รับรางวัลชมเชย) และหนังอื่นๆอีก 47 เรื่องได้รับรางวัล "หนังสือดีเด่นประจำปี 2555" ตามรายละเอียดข้างล่างนี้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น